คุณอาจจะแทบไม่เชื่อสายตาว่า ลูกน้อยโตขึ้นได้มากขนาดนี้แล้ว เมื่อลูกอายุได้ 6 เดือน น้ำหนักของลูกแทบจะเป็น 2 เท่าของน้ำหนักเมื่อแรกเกิดทีเดียวค่ะ และแน่นอนว่า ลำพังเพียงน้ำนมก็อาจจะไม่พอเสียแล้วสำหรับเสริมสร้างร่างกาย และพัฒนาการต่างๆ ของลูก หลังจากลูกน้อยอายุได้ 6 เดือน ก็ถึงเวลาที่คุณพ่อ และคุณแม่จะต้องเริ่มมองหาอาหารเสริมให้กับลูกแล้ว อาหารเหลวๆ เป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ สำหรับก้าวต่อมาของกระบวนการรับประทานอาหารของลูก และในวัย 6 เดือนนี้ ทั้งระบบย่อยอาหาร และระบบการเคี้ยวกลืนของลูกก็พร้อมสำหรับเมนูใหม่ๆ แล้วค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง

- ศูนย์สุขภาพแห่งแคนาดา โภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีในเด็กทารก: คำแนะนำจากอายุ 6 เดือนถึง 24 เดือน Nutrition for Healthy Term Infants: Recommendations from Six to 24 Months. 2015. Accessed April 2017 at http://www.hc-sc.gc.ca/fn-an/nutrition/infant-nourisson/recom/recom-6-24-months-6-24-mois-eng.php.

เมนูใหม่ ก้าวใหม่ ประสบการณ์ใหม่

ถึงเวลาของประสบการณ์อันแปลกใหม่สำหรับลูกน้อยแล้ว วันนี้เด็กน้อยพร้อมสำหรับการลิ้มลองรสชาติ และอาหารแบบใหม่ และจะเริ่มค้นพบว่า อะไรที่พวกเขาชอบและไม่ชอบ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราต้องใส่ใจกับสูตรอาหารสำหรับเด็กค่ะ เพราะนอกจากนมแม่แล้ว อาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและร่างกายที่แข็งแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงขวบปีแรก ไม่ต่างจากนม ที่ก็จะต้องมีสูตรที่แตกต่างออกไปสำหรับเด็กที่เติบโตขึ้นไปอีกขั้น

เริ่มต้นยังไงดี?

คุณพ่อคุณแม่หลายคนเริ่มป้อนอาหารเหลวให้กับลูกน้อย จาก 1 ถึง 2 ช้อนชาก่อนในช่วงแรกๆ แต่ก็จะมีเด็กน้อยบางคนที่ทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะลิ้มลองอาหารใหม่ๆ ก่อนที่จะมีความชอบอาหารเมนูใดเมนูหนึ่งเป็นพิเศษ วิธีการสังเกตอาการง่ายๆ เด็กน้อยจะรีบหันหนี หรือปิดปากแน่น ถ้าพวกเขาไม่หิว แต่ถ้าหากหิวขึ้นมาล่ะก็ ลูกน้อยจะดูตื่นตัว และอ้าปากทำท่าอ้ำๆ ให้พวกเราได้ดีใจและรีบป้อนไวไวกันเลยทีเดียว สังเกตอาการของลูกแล้วเราจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับพวกเขาค่ะ

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กไม่เห็นด้วยกับการหลอกล่อให้เด็กๆ รับประทานอาหารมากๆ โดยไม่จำเป็น หรือ เสนออาหารหวานๆ ให้ลูกเด็กๆ ที่ถูกปล่อยให้รับประทานตามความต้องการของร่างกายในปริมาณที่พอดี มีแนวโน้มที่จะไม่รับประทานมากจนเกินไปเมื่อโตขึ้น และคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยให้การรับประทานอาหารของลูกเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกได้ทานอาหารที่หลากหลายทั้งหน้าตาและรสชาติ และนั่นทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ